นโยบายนี้จัดทำขึ้นเพื่อดูแลรักษาและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ บริษัท รสิกาพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และบริษัทในเครือ และ/หรือ พันธมิตรทางธุรกิจ ที่ท่านได้ให้ความไว้วางใจ ยินยอมมอบข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ผ่านช่องทางการติดต่อสื่อสาร ทั้งในรูปแบบผ่านเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศได้แก่ เว็ปไซต์ แอพพลิเคชั่น โทรศัพท์ โซเชียลมีเดีย ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกซ์ ฯลฯ และไม่ผ่านเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้แก่ การเยี่ยมชมโครงการของบุคคลทั่วไป ผู้สนใจผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทฯ ผู้อยู่อาศัยภายในโครงการ เป็นต้น
บริษัทฯ จึงขอให้ท่านโปรดอ่านและทำความเข้าใจ เงื่อนไข ข้อกำหนด และนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างละเอียด หากท่านไม่ประสงค์ยอมรับและยินยอมนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ ขอให้ท่านยุติการใช้งานเว็ปไซต์ และ/หรือ แอปพลิเคชั่นในทันที แต่หากท่านยังคงใช้งานต่อไป ถือว่าท่านได้อ่านและตกลงยินยอมรับเงื่อนไข ข้อกำหนด และนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้แล้ว ทุกประการ
นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “นโยบาย” บังคับใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่
1 มกราคม 2565 โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
ข้อ 1. คำนิยาม
ภายใต้นโยบายฉบับนี้
(ก) “เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน” หมายถึง เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ชื่อว่า www.rasika.co.th และ/หรือ ที่จะมีขึ้นในอนาคต
(ข) “ผู้ควบคุมข้อมูล” หมายถึง ผู้ให้บริการหรือเจ้าของเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ตามนโยบายฉบับนี้ ได้แก่ บริษัท รสิกา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ทะเบียนนิติบุคคลเลขที่ 0105548026088 สำนักงานตั้งอยู่ที่ 2445/24 ชั้น15 อาคารธารารมณ์ บิสซิเนส ทาวเวอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โทร. 023191564-66 อีเมล์ contact@rasika.co.th
(ค) “ผู้ประมวลผลข้อมูล” หมายถึง บุคคลภายนอกซึ่งประมวลข้อมูลเพื่อประโยชน์หรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูล
(ง) “ข้อมูล” หมายถึง สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใดๆ ไม่ว่าการสื่อความหมายนั้นจะทำได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเอง หรือโดยผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้
(จ) “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาใดๆ ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวของบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
(ฉ) “ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว”หรือ”Sensitive Data” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ พันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ม่านตา หรือลายนิ้วมือ ข้อมูลสหภาพแรงงาน หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ประกาศให้เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
(ช) “ผู้ใช้งาน” หมายถึง ท่าน ผู้เยี่ยมชม ผู้ใช้ ผู้เป็นสมาชิกของเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้
ข้อ 2. วัตถุประสงค์เกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
1. เพื่อการทำรายการตามที่ท่านประสงค์ เช่น กรณีท่านลงทะเบียนขอรับข้อมูลและโปรโมชัน บริษัทฯ จะจัดเก็บและใช้เฉพาะข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Email address) หมายเลขโทรศัพท์เพื่อใช้สำหรับติดต่อกลับ หรือกรณีการจองออนไลน์ (Online Booking) บริษัทฯ จะทำการจัดเก็บและใช้ข้อมูลที่จำเป็นในการออกเอกสารสำคัญสำหรับการทำรายการจอง
2. เพื่อการแก้ไข ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น การจัดทำแผนการตลาด วิเคราะห์ข้อมูลการใช้ ประเมินการบริการ รวมถึงการปรับปรุง พัฒนาผลิตภัณฑ์และ
การบริการของบริษัทฯ
3. เพื่อติดต่อสื่อสาร แจ้งข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ รวมถึงสิทธิประโยชน์ โปรโมชันที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการ หรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกี่ยวกับนโยบายการดูแลรักษาและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในอนาคต
4. เพื่อดำเนินการตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญา รวมถึงกับคู่สัญญาที่บริษัทใช้บริการ เช่น
แบ่งปันข้อมูลตำแหน่งพื้นที่ของท่าน กรณีบริษัทฯ ใช้บริการเพื่อการระบุตำแหน่งพื้นที่ของบุคคลอื่น
5. เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย เช่น เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล การศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสม ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของท่าน
6. เพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่ได้แจ้งขณะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือวัตถุประสงค์อื่น
ที่เกี่ยวข้องกับข้อหนึ่งข้อใดข้างต้น
7. บริษัทฯ จะไม่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่ เป็นการใช้หรือเปิดเผยเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ข้างต้น หรือเป็นการเปิดเผยต่อบุคคลในบริษัทฯ หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องตามสัญญา หรือดำเนินการตามกฎหมาย หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล หรือได้รับความยินยอม
จากท่าน
ข้อ 3. การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งทางตรง และทางอ้อม จากช่องทาง ออนไลน์ และ
ออฟไลน์ ประกอบด้วย
1. ข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล, เพศ, อายุ, สัญชาติ, วันเดือนปีเกิด, สถานภาพ, ครอบครัว, อาชีพ, เลขที่บัตรประชาชน, หมายเลขหนังสือเดินทาง
2. ข้อมูลการติดต่อ ได้แก่ ที่อยู่อาศัย, ที่ทำงาน, หมายเลขโทรศัพท์, อีเมล์, ไอดีไลน์
3. ข้อมูลทางการเงิน ได้แก่ รายได้, รายจ่าย, เลขบัญชีเงินฝาก, ดอกเบี้ย, เลขบัตรเครดิต,
เลขบัตรเดบิต, ข้อมูลสินเชื่อบ้าน
4. ข้อมูลที่ท่านสนใจ ได้แก่ รูปแบบผลิตภัณฑ์และการบริการ, งานอดิเรก, กิจกรรม, กีฬา,
สถานที่ท่องเที่ยว, Social Network ที่ใช้ประจำ เป็นต้น
5. ข้อมูลในการตัดสินใจเลือกหรือไม่เลือกผลิตภัณฑ์และการบริการ เช่น เหตุผลในการซื้อ หรือเลือกที่อยู่, งบประมาณ, วัตถุประสงค์, ผลิตภัณฑ์อื่นที่ใช้เปรียบเทียบ, ความเห็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และ
การบริการ
6. ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ ได้แก่ หมายเลขไอพี (IP Address), ชนิดของเว็บเบราว์เซอร์ (Browser) ที่ใช้ในการเข้าถึงคุ๊กกี้ (Cookies), โดเมนเนม (Domain Name), หน้าเว็บ (Webpage)
ที่เข้าชม, เวลาที่เยี่ยมชม, เว็บไซต์ที่อ้างถึงเว็บบริษัทฯ ,การสืบค้นข้อมูลในเว็บไซต์ผ่านทางข้อมูลระบบของ
บริษัทฯ
7. ข้อมูลซึ่งระบุตำแหน่งพื้นที่ของท่านขณะที่ใช้งานเว็บไซต์ กรณีที่ท่านเปิดการใช้งาน GPS system ให้ถือว่าท่านให้ความยินยอมกับบริษัทฯ ในการเก็บรวบรวมและประมวลผลตำแหน่งพื้นที่ของท่านขณะใช้งานดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านต้องการปกปิดข้อมูลนี้ ท่านสามารถติดตั้งโปรแกรมหรือปิดระบบ GPS บนโทรศัพท์มือถือของท่านได้
8. ข้อมูลที่ท่านจำเป็นต้องให้ไว้แก่บริษัทฯ และบริษัทฯ สามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้ตามที่กฎหมายกำหนด โดยไม่ต้องขอความยินยอม ได้แก่
a. การให้ข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือ สัญญา หรือมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลเพื่อเข้าทำสัญญา หรือข้อมูลอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทฯ อาจไม่สามารถดำเนินการให้แก่ท่าน ตามที่ท่านประสงค์ หรือที่บริษัทฯ ได้แจ้งไว้ต่อท่าน หรือมีผล
อื่นใดตามกฎหมาย
b. การให้ข้อมูลที่เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น การเก็บภาพของท่านในการจัดกิจกรรมต่างๆ ของบริษัทฯ เป็นต้น
9. ข้อมูลของท่านที่ได้รับจากบริษัทในเครือ หรือผู้รับจ้างของบริษัท
10. ข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ซึ่งบริษัทฯ จะขอความยินยอมจากท่านก่อน
บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพียงเท่าที่จำเป็น หรือเพื่อประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ ในการเก็บรวมรวม และเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น
กรณีที่มีการเชื่อมต่อกับเว็ปไซต์ หรือโฆษณาอื่นๆที่ไม่ใช่ของบริษัทฯ นโยบายการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลจะเป็นตามที่เว็บไซต์นั้นๆ กำหนด ซึ่งบริษัทฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
บริษัทฯ ไม่มีเจตนาที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนตัวจากผู้ที่ไม่บรรลุนิติภาวะ หากท่านมีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ โปรดอย่าใช้บริการของบริษัทฯ และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวใดๆ แก่บริษัทฯ แต่หากท่านในฐานะเป็นผู้ปกครอง และทราบว่าบุตรของท่านได้ให้ข้อมูลส่วนตัวแก่บริษัท โปรดติดต่อบริษัทฯ และสามารถขอใช้สิทธิของท่านได้ หากท่านที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และมีความจำเป็นในการรับบริการและผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ขอให้ผู้ปกครองของท่านให้ความยินยอมก่อน
ข้อ 4. วิธีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
ผ่านช่องทางของบริษัทฯ เช่น ทางอิเล็กทรอนิกส์ เอกสาร ด้วยวาจาตามสถานการณ์ ฯลฯ
ข้อ 5. สิทธิของผู้ใช้งาน
ในการเข้าใช้งานเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นตามนโยบายฉบับนี้ และการให้ความยินยอมใดๆ ตามนโยบายฉบับนี้ ผู้ใช้งานได้รับทราบถึงสิทธิของตนในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตาม พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นอย่างดีแล้ว อันรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงสิทธิของผู้ใช้งาน ดังต่อไปนี้
5.1 ผู้ใช้งานอาจถอนความยินยอมที่ให้ไว้ตามนโยบายฉบับนี้เมื่อใดก็ได้ โดยการแจ้งเป็น
ลายลักษณ์อักษรแก่ผู้ควบคุมข้อมูลตามวิธีและช่องทางที่กำหนดในนโยบายฉบับนี้
5.2 ผู้ใช้งานมีสิทธิการเข้าถึง และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตน หรือที่เกี่ยวข้องกับตน
ที่ผู้ควบคุมข้อมูลได้เก็บรวบรวมเอาไว้ตามนโยบายฉบับนี้
5.3 ผู้ใช้งานมีสิทธิได้รับการเปิดเผยจากผู้ควบคุมข้อมูลถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของตน หรือที่เกี่ยวข้องกับตนซึ่งตนไม่ได้ให้ความยินยอม หากว่ามีกรณีเช่นว่านี้เกิดขึ้น
5.4 ผู้ใช้งานอาจคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนหรือที่เกี่ยวข้องกับตนได้ในกรณีดังต่อไปนี้
5.4.1 ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานด้วยความจำเป็น เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลหรือของบุคคลอื่น ซึ่งผู้ใช้งานอาจพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าผู้ควบคุมข้อมูล
5.4.2 ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน
เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูล ซึ่งผู้ใช้งานอาจพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่า
ผู้ควบคุมข้อมูล
5.4.3 ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไป
เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
5.4.4 ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไป
เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ โดยที่การศึกษาวิจัยนั้นไม่มีความจำเป็นในการดำเนินการเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สาธารณะ
5.5 ผู้ใช้งานอาจให้ผู้ควบคุมข้อมูลดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลไม่สามารถระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
5.5.1 เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์
ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
5.5.2 เมื่อผู้ใช้งานซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นและผู้ควบคุมข้อมูลนั้นไม่มีอำนาจอื่นตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้อีกต่อไป
5.5.3 เมื่อผู้ใช้งานได้คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลนั้นโดยชอบ
ด้วยกฎหมาย
5.5.4 เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบ
ด้วยกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
5.6 ผู้ใช้งานอาจให้ผู้ควบคุมข้อมูลระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นโดยยังคงเก็บรักษาเอาไว้ได้อยู่ ในกรณีดังต่อไปนี้
5.6.1 ผู้ควบคุมข้อมูลอยู่ในระหว่างการถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งผู้ใช้งานได้ร้องเรียนให้มีการตรวจสอบดังกล่าว
5.6.2 ข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
5.6.3 ในกรณีที่ผู้ใช้งานมีความจำเป็นต้องการให้ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรักษาข้อมูล
ส่วนบุคคลของตนเอาไว้ เพื่อประโยชน์ในสิทธิเรียกร้องของผู้ใช้งานเอง อันได้แก่ การก่อสิทธิเรียกร้อง
ตามกฎหมายของผู้ใช้งาน การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิ
เรียกร้องตามกฎหมาย ผู้ใช้งานอาจให้ผู้ควบคุมข้อมูลเพียงระงับการใช้ข้อมูลแทนการดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลไม่สามารถระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลได้
5.6.4 ผู้ควบคุมข้อมูลอยู่ในระหว่างการพิสูจน์หรือตรวจสอบเพื่อปฏิเสธการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ซึ่งผู้ใช้งานได้คัดค้านโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น
5.7 เมื่อผู้ใช้งานพบเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานผิด ล้าหลัง ไม่ชัดเจน ผู้ใช้งานมีสิทธิให้
ผู้ควบคุมข้อมูลดำเนินการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลนั้นให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้
5.8 ผู้ใช้งานอาจร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่เกี่ยวกับการกระทำการฝ่าฝืนหรือการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ เกี่ยวกับ
การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ควบคุมข้อมูล และ/หรือ ผู้ประมวลผลข้อมูล
ข้อ 6. การถอนความยินยอมของผู้ใช้งาน
ผู้ใช้งานรับทราบว่าผู้ใช้งานมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมใดๆ ที่ผู้ใช้งานได้ให้ไว้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลตามนโยบายฉบับนี้ได้ ไม่ว่าเวลาใดโดยการดำเนินการแจ้งเพื่อขอตรวจสอบ ลบ แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูล โดยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรมายังบริษัทฯ ทั้งนี้บริษัทฯ จะพิจารณาและดำเนินการให้ตามความเหมาะสม ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ : 02-319-1566 (ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.30 –16.30 น.) E-mail : contact@rasika.co.th
โดยผู้ใช้งานยังรับทราบอีกว่าเมื่อผู้ใช้งานได้ดำเนินการถอนความยินยอมแล้ว ผู้ใช้งานจะได้รับผลกระทบ ทำให้ประสิทธิภาพในการรับทราบข้อมูลข่าวสาร หรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของท่านลดน้อยลง โดยที่ผู้ใช้งานตกลงยอมรับซึ่งผลแห่งการถอนความยินยอมนั้นทั้งสิ้น
ข้อ 7. การรักษาความมั่นคงปลอดภัย
ในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้ ผู้ควบคุมข้อมูลจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือ
การเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ด้วยมาตรการ มาตรฐาน เทคโนโลยี และ/หรือ ด้วยระบบ
ดังต่อไปนี้
กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล (Access Right) ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ใช้การป้อนรหัสข้อมูล (Encryption) ในการส่งผ่านข้อมูลและการรักษาความปลอดภัย รวมถึงการควบคุมให้ผู้ประมวลผลข้อมูล
มีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่น้อยไปกว่าที่กำหนดในนโยบายฉบับนี้ด้วย
ข้อ 8. การแก้ไขปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ควบคุมข้อมูลจะจัดให้มีระบบและมาตรการตรวจสอบ ดังต่อไปนี้
8.1 ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
8.2 ลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่เกินระยะเวลาเก็บรวบรวมที่ผู้ใช้งานได้ให้ความยินยอม
เอาไว้แล้ว
8.3 ลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามที่ผู้ใช้งาน
ได้ให้ความยินยอมเอาไว้
ข้อ 9. การเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ใช้งานรับทราบและตกลงว่าผู้ควบคุมข้อมูลอาจเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูล ของ
ผู้ใช้งานได้ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้งานก่อนล่วงหน้า ทั้งนี้เท่าที่จำเป็นและตราบเท่าที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์และในกรณีดังต่อไปนี้เท่านั้น
9.1 เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสาร ประวัติศาสตร์ หรือจดหมายเหตุ
เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน
9.2 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคลใดๆ
9.3 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญา
ดังกล่าวนั้น
9.4 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูล หรือ ปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลนั้น
9.5 เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูล หรือ ของบุคคลอื่น ซึ่งมีความสำคัญมากกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานนั้น
9.6 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูล
ทั้งนี้ ผู้ควบคุมข้อมูลจะบันทึกการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานตามวรรคก่อนหน้าไว้เป็นสำคัญ
ข้อ 10. การแจ้งเตือนเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีมีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลใดๆ ผู้ควบคุมข้อมูลจะ
แจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โดยไม่ชักช้าเท่าที่จะสามารถกระทำได้ภายใน 72 (เจ็ดสิบสอง) ชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุ
ข้อ 11. ข้อยกเว้นการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่ไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อนโยบายการดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคล เช่น
11.1 หากข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะแล้วตั้งแต่เวลาท่านได้เปิดเผยข้อมูลให้บริษัทฯ หรือถูกเปิดเผยต่อสาธารณะโดยมิใช่ความผิดของบริษัทฯ
11.2 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยได้รับความยินยอมจากท่านไม่ว่าเป็นลายลักษณ์อักษร หรือการอนุญาตโดยวิธีการอื่นใด
11.3 การเปิดเผยข้อมูลตามความจำเป็น เนื่องจากกระทำตามกฎหมาย คำสั่ง กฎข้อบังคับ
คำสั่งศาล หน่วยงานของรัฐ หรือตามหรือ ตามความจำเป็นอื่นใด
ข้อ 12. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบาย
ผู้ควบคุมข้อมูลอาจแก้ไข และเปลี่ยนแปลงข้อความในนโยบายฉบับนี้ได้ ไม่ว่าเวลาใดก็ตาม และ
ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน โดยผู้ควบคุมข้อมูลจะแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละคราว เพื่อให้ผู้ใช้งานได้พิจารณาและดำเนินการยอมรับด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีการอื่นใด และหากว่าผู้ใช้งานได้ดำเนินการเพื่อยอมรับนั้นแล้ว ให้ถือว่านโยบายที่แก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย
ฉบับนี้ด้วย
อนึ่งผู้ใช้งานอาจเข้าถึงนโยบายความเป็นส่วนตัวที่มีการแก้ไขและเปลี่ยนแปลงล่าสุดได้จากแหล่ง
ที่ผู้ควบคุมข้อมูลจัดแสดงไว้จากช่องทางเว็ปไซต์ www.rasika.co.th
ข้อ 13. การร้องเรียนและการแจ้งปัญหาเกี่ยวกับข้อมูล
ส่วนบุคคล
ผู้ใช้งานอาจร้องเรียนและรายงานปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล อันรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง
การขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลแก้ไขปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน และ/หรือ ให้ถูกต้อง การคัดค้านการเก็บรวบรวมข้อมูล หรือระงับการใช้ข้อมูลได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ : 02-319-1566
(ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 9.30 – 16.30 น.)
E-mail : contact@rasika.co.th
เว็บไซต์ : www.rasika.co.th